วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

คำที่คนไทยมักหลุดพูดผิด

อย่าอ่านชื่อโพสท์นี้แล้วโกรธนะครับพี่น้อง ผมจับผิดด้วยความรักนะครับ  ผมทราบดีว่าหากไม่ได้เป็นเพราะเพื่อนคนไทยที่บอก ผมเวลาผมพูดไทยผิด ผมก็คงไม่เก่งภาษาไทยเลย คำแนะนำข้างล่างนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนเพื่อนๆคนไทยที่กล้าบอกผมว่า 
อดัมต้องพูดอย่างนี้นะ ไม่ใช่อย่างนั้น
เมื่อสามปีที่แล้วอดัมเหนื่อยกับการทำงานก็เลยถ่ายคลิปข้างล่างนี้เพื่อจะเล่าให้เพื่อนๆคนไทยฟัง อดัมก็พูดคำว่าขโมยเป็นขมอยแล้วคนไทยหลายคนก็มาบอกผมว่าผมพูดผิด  ถ้าไม่บอกก็จะไม่รู้ครับ  ขอบคุณที่บอกครับ

-->


       เคล็ดลับข้อนึงในการเรียนภาษาที่สองอย่างมีประสิทธิภาพก็คือ

Learn from and laugh at your mistakes.
(เลอรน ฟรัม แอนฺดฺ แลฟฺ แอทฺ โยเออร มิสเทคฺสฺ)
เรียนรู้และหัวเราะไปกับความผิดพลาดของตัวเอง

ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องเครียดแต่เป็นโอกาสที่จะทำให้เราได้เรียนรู้ต่างหาก  เมื่อทราบแล้วว่าเราผิดตรงไหน เราก็จะยิ่งสนใจที่จะปรับปรุงพัฒนาในตรงนั้น ซึ่งจะทำให้มันกลับเข้มแข็งสำหรับเรา ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนที่ชี้ให้เราเห็นถึงความผิดพลาดของเรา  เราอาจจะตระหนักเองก็ได้ หรือคนอื่นอาจจะบอกให้เราได้รู้ก็ได้  ที่สำคัญคือว่าเราไม่ควรคิดมากและไม่เครียดเกี่ยวกับการที่ตัวเองผิด แต่เรายอมรับแล้วถือความผิดเป็นบทเรียนที่จะสอนให้เราได้หลีกเลี่ยงความผิดพลาดเดิมๆได้ 
 บางทีบทเรียนเหล่านี้จะนำมาซึ่งความรู้สึกที่ตรงกันข้ามกับความเครียดก็คือความรู้สึกตลกๆขำๆ นั่นเอง

เอาล่ะข้างล่างนี้เป็นข้อแนะนำสำหรับคนไทยที่อยากปรับปรุงภาษาอังกฤษของตัวเองให้ดีขึ้นนะครับ สิ่งแรกที่คนไทยควรปรับคือการออกเสียงตัว V ครับ 

V ไม่เหมือน ว แต่เหมือน ฟ กับ ฝ มากกว่านะครับผม 

สิ่งเดียวที่แตกต่างระหว่าง V กับ ฟ/ฝ คือเสียงก้องในลำคอ 
อีกนัยนึงเมื่อพูด V ก็ต้องพูด ฟ โดยเพิ่มเสียงสั่นๆข้างในกล่องเสียง แค่นั้นเอง
ในคลิปข้างล่างนี้ลองฟังประโยคว่า 


ถ้าตัวใหนมีขีดๆก็หมายถึงเพิ่มเสียงสั่งที่ลำคอครับ 
ผมเรียกตัวอักษรเหล่านี้ว่าระบบการอ่านแบบชัดเวอร์ 

คนไทยมักออกเสียง 7-Eleven เซเว่น อีเลเว่น ชิมิ อิอิ
ส่วนฝรั่งก็ออกเสียงว่า เซ็ฟเฟิน อีเล็ฟเฟิน 
โดยที่ ฟ เพิ่มเสียงก้องในลำคอ ลองฟังดู
-->

บทเรียนถัดไปคือเรื่องของคำนำหน้านามในภาษาอังกฤษนะครับ

การเข้าใจความแตกต่างระหว่าง a กับ the ค่อนข้างสำคัญในการใช้ภาษาอังกฤษนะครับ  ทั้งสองคำเป็นคำนำหน้านามเพียงแต่ว่า the เป็นคำนำหน้านามชี้เฉพาะในขณะที่ a เป็นคำนำหน้านามไม่ชี้เฉพาะ 

ลองฟังตัวอย่างในคลิปแล้วจะเข้าใจแน่นอนครับ




สรุปง่ายๆก็คือ a หมายถึงอันใดอันหนึ่งที่ไม่เฉพาะเจาะจง 
เหมือนคำว่า สักอัน
ส่วน the ก็เฉพาะเจาะจงเหมือน that กับ this คือทั้งผู้ฟังและผู้พูดเข้าใจว่ากำลังพูดถึงสิ่งไหนอยู่  อาจจะเป็นเพราะผู้พูดว่ามาแล้วหรือเพราะมันชัดเจนอยู่แล้ว
ยกตัวอย่างดีกว่า
สมมุติมีทีวีหลายเครื่องอยู่ในห้องสักห้องหนึ่งแต่มีทีวีจอใหญ่แค่เครื่องเดียว 
ถ้าเราอยากบอกว่า เปิดทีวีจอใหญ่ก็จะพูดว่า 
Turn on the big screen TV. 
โดยใช้ the เพราะมีทีวีจอใหญ่เครื่องเดียว
ดังนั้นผู้ฟังทุกคนเข้าใจว่าเราพูดถึงเครื่องไหนทั้งๆที่เรา
ไม่ได้บอกก่อนหน้านั้นครับ 
แต่ถ้าบอกว่า 
Turn on the TV. 
ผู้ฟังจะไม่รู้ว่าเครื่องไหนเพราะมีหลายเครื่อง 
ส่วน 
Turn on a TV. 
ก็จะหมายถึง

เปิดเครื่องสักเครื่องหนึ่ง 




“Where you go?”
ฝรั่งฟังแล้วก็รู้เรื่องแต่มันก็ยังไม่ถูกนะพี่น้อง
“Where are you going?” 
(เว-เออร ออ-เออร ยู โก-อิง
ซึ่งแปลว่า คุณจะไปไหน คือคำพูดที่ฟังแล้วสบายหูนะครับ haha
ลองฟังตัวอย่างประโยคในคลิปข้างล่างนี้ครับ





Excuse me. 
(ขออนุญาต ขอโทษ หรือขอทาง)
 ไม่ได้ออกเสียงว่า เอ็ค คิ้ว มี นะครับ ต้องออกเสียงให้ชัดๆเป็น 
เอ็คฺสฺ สกยิวสฺ มี 
นะครับผม 
คลิกชมตัวอย่างประโยคได้เลย


เคยบอกเพื่อนชาวต่างชาติไหมครับว่า  I like  ถ้าเคยอดัมมีข่าวร้ายคือว่าการพูดแค่นี้เป็นประโยคที่ไม่สมบูรณ์นะครับ แต่ไม่เป็นไรครับ  อดัมมีข่าวดีด้วยก็คืออดัมจะสอนวิธีพูดให้มันสมบูรณ์แบบครับ  ทุกประโยคในภาษาอังกฤษจำเป็นต้องมีประธาน คำกริยา และความคิดที่สมบูรณ์  ถึงแม้เราพูด "ฉันชอบ" เฉยๆเป็นภาษาไทยได้แต่ก็ยังพูด I like เป็นภาษาอังกฤษไม่ได้เพราะมันขาดความคิดที่สมบูรณ์  เราต้องเจาะจงว่าเราชอบอะไรครับ  อาจจะเติมแค่ว่า I like this/that/it.  ก็ได้ครับ หรือว่า I like this movie.  I like animals.  I like reading. ฯลฯ




เพื่อนคนไทยหลายคนบอกผมว่าเขาแยกแยะระหว่างคำว่า tired (เหนื่อย) กับคำว่า try (พยายามหรือลองดู) ไม่ได้  เดี๋ยวอดัมจะคลี่คลายเรื่องนี้ให้ครับ 
Tired ออกเสียงว่า ไท-เยอร-เช่น
I’m really tired because I worked all day.
(ไอ-ม รีลี ไท-เยอร-ด แอฟ-เทอร เวอร-คิง ออ-ล เด)
ฉันเหนื่อยมากเพราะฉันทำงานทั้งวัน
บางทีคำว่า really ไม่ได้หมายถึงว่า จริงๆ แต่หมายถึงว่า มาก นั่เอง ใช้แทนvery ได้ครับ
ส่วน try ก็ออกเสียงว่า ไทร หรือ ทราย โดยที่ "ทร" ไม่ได้ออกเสียงเป็นซ.โซ่ แต่ออกเสียงควบกล้ำ "ทร" อีกอย่างส่วนมากภาษาอังกฤษไม่แยกแยะระหว่างเสียงยาวกับเสียงสั้นเหมือนภาษาไทย ดังนั้นสามารถพูด ไทร หรือ ทราย ได้โดยที่ความหมายไม่เปลี่ยนนะครับ
เช่น
I’ll give it a try.
(ไอโย-ล กิฟ อิท อะ ไทร)
ฉันจะลองดู
I’ll try my hardest.
(ไอโย-ล ไทร ไม ฮอเออร-เด็ส-)
ฉันจะพยายามเต็มที่



ผมได้ยินคนไทยหลายคนออกเสียงคำว่า English เป็น อิง-หลิช ในขณะที่ผมออกเสียงเป็น อิง-กลิช ตอนแรกผมนึกว่ามันผิดเพราะไม่เคยได้ยินมาก่อนแต่ผมเปิดพจนานุกรมดูและมันบอกว่าออกเสียงได้ทั้งสองแบบครับ จากนั้นผมถามเจ้าของภาษาคนอื่นๆว่าเขาออกเสียงอย่างไรและทุกคนที่ถามก็บอกว่าเขาออกเสียงเป็น อิง-กลิช เหมือนผมนะครับ ทีนี้ผมไม่ว่าคนไทยพูดผิดแต่ผมแค่คิดว่ามีคนออกเสียงเป็น อิง-กลิช มากกว่านะครับ ยังไงก็ยังแล้วแต่ผู้พูดนะครับว่าจะออกเสียงอย่างไรดี





๕ คำที่ใช้บ่อยที่เป็นนามที่นับไม่ได้ก็เลยเติมตัว S ตอนท้ายไม่ได้ก็คื
1. stuff(n.)(สถัฟ)แปลว่าสิ่งของครับ 
ประโยค: I'm going to buy some stuff. 
(ไอ-ม โกอิง ทู ไบ ซัม สถัฟ)
ฉันจะไปซื้อของบางอย่าง 
คำว่า stuffsไม่มีเลยครับ

2. equipment(อี-ขวิพ-เม็น-ท)
แปลว่าอุปกรณ์ครับ 

ประโยค:He has a lot of camera equipment.
(ฮี แฮ-ส อะ ลอ-ท อัฟ แคม-เมอร-หระ อี-ขวิพ-เม็น-ท)
 เขามีอุปกรณ์กล้องเยอะ 
คำว่า equipments ไม่มีนะครับ

3. Staff (สแท-ฟ แต่สทออกเสียงพร้อมกัน)
แปลว่าพนักงาน
ประโยค: The entire staff will be at the meeting.
(เดอะ เอ็นไทเยอร สแท-ฟ วิโอ-ล บี แอท เดอะ มีทิง ไม่ใช่มีติ้งนะ)
พนักงานทุกคนจะเข้าร่วมประชุม
คำว่า staffs แปลว่า ไม้ค้ำมากกว่าไม้เดียว นะครับ
4. information (อิน-เฟอร-เม-เชิน)
แปลว่าข้อมูล
ประโยค: I got a lot of useful information from that website.
(ไอ กอท อะ ลอ-ท อัฟ ยู-ส โฟ-ล อิน-เฟอร-เม-เชิน ฟรัม แดท เว็บไซ-ท)
ผมได้ข้อมูลที่มีประโยชน์หลายอย่างจากเว็ปไซต์นั้น
คำว่า informations ไม่มีนะครับผม


Never mind
(เน็ฟ-เฟอร-ไมน-ด) 
ไม่ได้ใช้ในกรณีที่คนมาขอบคุณเราแล้วเราบอกว่า never mind เหมือนคำว่าไม่เป็นไรนะครับ  ในกรณีนี้ถ้าอยากสื่อความหมายเหมือนคำว่า ไม่เป็นไร ก็ต้องใช้คำพูดต่อไปนี้
1. Oh, it's nothing! (โอ อิท-ส นาทิง) ไม่เป็นไร
2. No problem. (โน พรอเบล็ม)ไม่มีปัญหา
3. No big deal. (โน บิก ดิโอ-ล) ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ส่วนคำว่า Never mind ก็จะใช้ในกรณีที่เราพูดอะไรให้คนอื่นฟังแล้วผู้ฟังไม่เข้าใจที่เราพูดนะครับ เราก็เลยบอกเขาว่า Never mind!ซึ่งหมายถึงว่าเราขี้เกียจอธิบายต่อแล้ว คำนี้เทียบได้กับคำว่า 
ช่างมันเถอะ หรือ ลืมมันซะ 
You don't understand? 
ไม่เข้าใจหรืองั้น 
Never mind! 
๕๕๕


...up to you 
คนไทยหลายๆคนจะพูดแค่นี้ในขนะที่คำพูดนี้ไม่สมประกอบนะครับ ที่จริงต้องเติมคำว่า It's ไว้ข้างหน้าถึงจะถูกนะครับ กลายเป็น 
It's up to you. 
(อิท-ส อัพ ทู ยู) 
ซึ่งแปลว่า แล้วแต่คุณ นะครับ
เหตุผลที่พูดผิดนั้นน่าจะเป็นเพราะภาษาไทยตัดคำว่า "มัน"ออกได้เนอะ
ตัวอย่างเช่น 
คนA: What should we do today? 
วันนี้เราจะทำอะไรกันดี 
คนB: It's up to you!!!
แล้วแต่คุณ


เวลาคนไทยจะพูดว่า "มันหมายถึง" (It means) หลายคนลืมออกเสียง s ตอนท้ายของคำว่า means ครับ ครั้งต่อไปที่คุณจะใช้คำนี้ อย่าลืมออกเสียง ให้ชัดๆนะครับ

คอมเม้นต์โดดเด่น
Patty Kim 
แล้วพูดว่า it's mean ละคะ ถูกหรือผิด?
อาจารย์ อดัม
“It's mean.” แปลว่า มันใจร้ายครับ  ย่อจาก “It is mean.” แต่ถ้าอยากบอกว่า หมายถึงว่า ก็ต้องใช้คำว่า
It means… นะครับผม
Kenny Suwanpantakul 
@patty ช่วยเสริม(อย่าว่ากันนะ อยากช่วยอธิบายเฉยๆ เพราะเราเป็นคนหนึ่งที่อยาก​ให้คนไทยพูดภาษาอังกฤษเก่งๆIt's mean ผิดเพราะว่า He/She/It เป็นประธานบุรุษที่สามคือบุ​คคลที่เราพูดถึง(อันนี้รวมถึงชื่อคนที่เราพูดถึงด้วย) เมื่อเติมกริยาที่เป็น present tense หรือปัจจุบันกาลแล้วจะต้องมี s เช่น She means, He means, It means, Adam means etc etc.

  




How long you stay in Thailand? 
อดัมเคยได้ยินคนไทยพูดอย่างนี้บ่อย  แต่เกรงใจบอกว่าการพูดแบบนั้นผิดหลักไวยากรณ์ครับ 
ที่จริงแล้วต้องใช้คำพูดดังต่อไปนี้ถึงจะถูกครับ

How long are you staying in Thailand?
(ฮาว ลอง อา-ร ยู สเท-ยิง อิน ไท-แล็น-ด)
How long will you be in Thailand?
(ฮาว ลอง วิ-ล ยู บี อิน ไท-แล็น-ด)
How long will you be staying in Thailand?
(ฮาว ลอง วิ-ล ยู บี สเท-ยิง อิน ไท-แลน-ด)
How long are you going to be in Thailand?
(ฮาว ลอง อา-ร ยู โกอิง ทู บี อิน ไท-แล็น-ด)
How long are you going to stay in Thailand?
(ฮาว ลอง อา-ร ยู โกอิง ทู สเท อิน ไท-แล็น-ด)
ทั้งหกประโยคนี้มีความหมายเดียวกันว่า คุณจะอยู่ประเทศไทยนานเท่าไหร่ครับ

คอมเม้นต์โดดเด่น
Witsathit Somrak 
แลกเปลี่ยนภาษา...อาจารย์สอ​นการใช้ภาษาที่ถูกต้องเราก็​ควรใช้ภาษาไทยที่ถูกต้องกับ​อาจารย์ได้เรียนรู้กันและกั​น...ผมก็ขอเป็นแฟนคลับด้วยอีกคน..
Narumon Somwang 
ถ้าเป็น How long have you been in Thailand? 
ได้ป่ะคะ ความหมายเหมือนกันไหมคะ
อาจารย์ อดัม
ใช้ได้เลยครับแต่ความหมายต่างกันนิดหน่อยนะครับ 
How long have you been in Thailand? 
(ฮาว ลอง แฮ-ฟ ยู เบ็น/บีน อิน ไท-แล็น-ด) 
ก็แปลว่าคุณอยู่ประเทศไทยมา​นานเท่าไรแล้ว


same same 
(เซมๆ
เป็นวลีไทย ไม่ใช่วลีภาษาอังกฤษนะครับ
ฉะนั้นถ้าพูดวลีนี้กับฝรั่งเค้าคงเข้าใจแต่มันผิดหลักไวยกรณ์อยู่ดีครับ 
ที่จริงต้องพูดว่า 
“It's the same.” 
ถึงจะเป็นประโยคที่สมประกอบนะครับ 
อันเด้อสแตนมั้ย อิอิ

คอมเม้นต์โดดเด่น
Wuttada Thaisuntad 
อันเด้อสตูด
รัชตา แป้นพัฒน์ 
ได้ยินพี่พี่ใช้กันมากที่สุ​ดเลยค่ะ โอเคค่ะ จะรีบบอกพี่พี่ให้เปลี่ยนได้แล้วค่ะ ขอบคุณมากเลยค่ะอาจารย์อดัม








40 ความคิดเห็น:

  1. i have followed up aj adam since he was recording by youtupe and not so much ppl know him .... i am one fan club who doesnt show myself but i promise to catch u up forever and will keep finger crossed on u for whatever u do ka <3 thx for ur social mind,esp sharing ka

    ตอบลบ
  2. I have a step dad who would love to live in Thailand and now he's studying Thai language.
    I think your site is good for him kha.

    ตอบลบ
  3. แล้วถ้าคำว่า ช่างมันเถอะ เราจะพูดว่าอะไรอ่ะ

    ตอบลบ
  4. I would like to speak English but I don't have an environment for English talking and with someone who can speak English.

    Now I am working at Japanese company which their English accent are so tough and incorrect.

    When I tried to spoke English with correct accent they won't understand that makes me be unable to speak English with correct accent.

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Wow, you work with a Japanese company, huh? You must be able to speak Japanese, right? That's cool, I always want to learn the language.

      By the way, I think you are lucky to have a chance to be with Japanese people and communicate with them using English, I meant you can see the uniqueness of Japanese accent and that would surely help you to get rid of any difficulties to understand Japaneses speak English, and probably any other accents in the world. So, I think you should be grateful for it kraab.

      And if you can't find any one who can speak English with "correct" accent, I suggest you to watch English films and talk to yourself, you can even talk to your pets. This might sounds lame and crazy, but it helps.

      Good luck ขอให้เก่งยิ่งๆขึ้นไปนะครับ

      ลบ
  5. ช่างมันเถอะ หรือ ลืมมันซะ = Never mind!

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ไม่ระบุชื่อ19 เมษายน 2555 เวลา 18:06

      Can I use the words "Forget it!" ?

      ลบ
  6. เชาวฤทธิ์ ซัง Don't get discouraged! Just know that you're getting better every day!

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ12 ธันวาคม 2554 เวลา 21:01

    i have been following your site ...what a great samples ..you really understood thai ppl ..im so impress for what u hv done ..great job ka Adam

    ตอบลบ
  8. ไม่ระบุชื่อ12 ธันวาคม 2554 เวลา 22:21

    อาจารย์คะ ทำไม The entire... ไม่อ่านออกเสียงว่า(ดิ เอ็นไทเยอร....ล่ะคะ เพราะปกติ "The" ซึ่งอยู่หน้าสระ (vowel) A,E,I,O,U จะอ่านออกเสียง "ดิ" ยกเว้นบางคำเช่น The University จะอ่านออกเสียงว่า "เดอะ ยูนิเวอ-ซิที"

    ขอความกระจ่างด้วยค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  9. เรียนภาษาอังกฤษกับ อาจารย์ อดัม ที่นี่เข้าใจ มากขึ้น ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  10. ที่จริงแล้วคำว่า the สามารถออกเสียงได้ทั้งสองแบบครับ ถ้าออกเสียงดิก็จะเป็นแค่การเน้นว่าสิ่งที่เราพูดถึงนั้นหาที่เปรียบเทียบไม่ได้หรือไม่มีอย่างอื่นที่เป็นเหมือนมัน เช่น This is the way. โดยออกเสียงเป็นดิ (ที่จริงด.เด็กไม่ได้ตรงกับเสียง "th" แต่อันนี้อีกเรื่องนึง)ก็หมายถึงประมาณว่า นี่คือทางที่ถูกต้องและไม่ทางอื่นที่เทียบเท่า

    ตอบลบ
  11. ไม่ระบุชื่อ13 ธันวาคม 2554 เวลา 21:11

    อาจารย์หมายถึง THE สามารถออกเสียงเป็น /dhi/ ได้ ถ้าต้องการ “Emphasize” ---> เน้น / ย้ำ / กระแทก / กระทืบ / ขยี้ / “คำนามเฉพาะที่ตามหลัง” ว่า”ไอ้นั่น อันที่พูดถึง อันนั้นน่ะ มันมี THE ONE AND THE ONLY เท่านั้น ใช่มั๊ยคะ ขอบคุณมากค่ะอาจารย์

    ตอบลบ
  12. ไม่ระบุชื่อ14 ธันวาคม 2554 เวลา 00:21

    พูดว่า english "อิงลิส" หรอกจ่ะ อดัม ไม่ออกตัว ห. เพราะ ตัว L เอล เรารู้ว่า ตัว ล.ค่ะ

    ตอบลบ
  13. I agree that "stuffs" is extremely annoying. From my experience, this mistake is common not just among Thai people, but people from other Asian countries as well.

    Anyway, I think "stuff", "equipment" and "information" are uncountable, not plural. "staff" is different as it can be used as a countable noun with the same plural form, a countable noun with "staves" or "staffs" as its plural form, and an uncountable noun. You cannot say "The information are useful", but you can say "The staff are great".

    ตอบลบ
  14. ไม่ระบุชื่อ28 ธันวาคม 2554 เวลา 22:02

    ชอบอาจารย์อดัมมากค่ะ ไอดอลมากมาก หนูกำลังเตรียมเอ็น มีพี่สาวอยู่ต่างประเทศโพสหน้าเพจของออาจารย์ในเฟสบุ๊คให้หนู นั่งอ่านไปอ่านมา เลยเอาสมุดมาจด จนได้เป็นเล่มแล้ว

    ตอบลบ
  15. Please explain to me, what does "excuse you" mean? thanks AjarnAdam.

    ตอบลบ
  16. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  17. Excuse you!(เอ็ค-สคิว-ส ยู) ใช้ในเวลาที่ใครสักคนทำอะไรที่เสียมารยาทและสมควรจะขอโทษโดยพูดว่า"Excuse me."แต่เขาไม่พูด เราก็เลยพูดแทนเขาเพื่อเตือนว่าไม่ควรทำแบบนั้นนะครับผม

    ตอบลบ
  18. Thank you for your helpful advice.

    ตอบลบ
  19. ไม่ระบุชื่อ29 มีนาคม 2555 เวลา 19:14

    คำว่า โรงพยาบาลของรััฐบาล และโรงพยาบาลเอกชน พูดเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไรคะอาจารย์

    ตอบลบ
  20. ไม่ระบุชื่อ29 มีนาคม 2555 เวลา 20:13

    ถามค่ะ แล้ว for get it กับ Never mind ใช้ต่างกันอย่างไรค่ะ

    ตอบลบ
  21. ไม่ระบุชื่อ30 มีนาคม 2555 เวลา 02:32

    เวลาที่ถามคำถามต้องขึ้นเสียงสูงที่ท้ายประโยค ทุกประโยคมั้ยคะ ???
    อาจารย์บอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่าา.. ^_^

    ตอบลบ
  22. ไม่ระบุชื่อ15 พฤษภาคม 2555 เวลา 01:19

    อาจารย์ครับ คำว่า let me give it to you เเละ it's gonna be ok เเปลว่าอะไรหรอครับอาจารย์

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. Let me give it to you straight. ผมจะบอกตรงๆนะว่า...
      It's gonna be okay. ทุกอย่างจะโอเคนะ

      ลบ
  23. ไม่ระบุชื่อ15 พฤษภาคม 2555 เวลา 01:21

    อาจารย์ผมชอบอาจารย์มากเลย อาจารย์พูดตลกมากครับ ถูกใจผมมากครับ ผมติดตามอาจารย์มาตลอดเลยครับ

    ตอบลบ
  24. ไม่ระบุชื่อ15 พฤษภาคม 2555 เวลา 01:23

    อาจารย์ครับ ผมอยากพูดอังกฤษได้ครับอาจารย์ อาจารย์ช่วยบอกเทคนิคผมหน่อยได้ไหมครับ

    ตอบลบ
  25. มาเรียนกับผมที่A&A Learning Center ได้เลยครับ เข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ http://www.facebook.com/AAEnglish

    ตอบลบ
  26. ถ้าจะแต่งงานกับฝรั่ง จะพูดเรื่องสินสอด จะพูดอย่างไรค่ะ

    กรุณาตอบด้วยนะค่ะ

    ตอบลบ
  27. I’m really tired because I worked all day.
    (ไอ-ม รีลี ไท-เยอร-ด แอฟ-เทอร เวอร-คิง ออ-ล เด)
    ฉันเหนื่อยมากเพราะฉันทำงานทั้งวัน

    อาจารย์เขียนคำอ่านผิดตรง because เป็น after ใช่ไหมคะ? *^^*

    ตอบลบ
  28. อ.อดัมค่ะ รบกวนสอนการใช่ a lot , a lot of ค่ะ
    คำว่า a lot ต้องเติม s ด้วยมั้ยค่ะ
    ขอบคุณมากค่ะ

    ตอบลบ
  29. เราถามเค้าว่า Do you miss me?
    แล้วเค้าตอบว่า not quite.
    แปลเป็นไทยให้เข้าใจง่ายๆ ว่ายังงัยคะ...
    รู้ว่าคำตอบมัน...TT แต่อยากขอคำอธิบายที่ชัดเจน...

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

      ลบ
    2. ....not quite ก็แปลว่า ก็ไม่เท่าไร ไม่เชิงว่าคิดถึงน่ะค่ะ อะไรประมานเนี้ยตามความเข้าใจอ่ะค่ะ.... ^_^

      ลบ

คอร์สออนไลน์