มีการโต้วาทีในวงสอนภาษาอังกฤษทั่วโลกเรื่องไวยากรณ์ว่าควรสอน
prescriptive grammar
(การใช้ภาษาตามกฏเกณฑ์ที่กำหนดไว้หรือพูดง่ายๆว่าภาษาเขียน)
หรือ
descriptive grammar
(เป็นการใช้ภาษาตามที่ใช้กันอยู่จริง หรือพูดง่ายๆว่า ภาษาพูด)
prescriptivists (นักกำหนดกฎเกณฑ์)
กับ
descriptivists (นักอธิบายกฎเกณฑ์)
ผมเองคิดว่าทั้งภาษาพูดและภาษาเขียนสำคัญ แต่นักภาษาศาสตร์ร่วมสมัยส่วนใหญ่มักจะทำวิจัยภายใต้สมมติฐานที่ว่า ภาษาพูด นั้นเป็นหลักพื้นฐาน และมีความสำคัญต่อการศึกษามากกว่าภาษาเขียน เขาใช้เหตุผลว่ามนุษย์สามารถเรียนรู้การพูดและการประมวลผลภาษาพูดได้ง่ายกว่า และง่ายกว่าการเขียนมากๆ
ผมคิดว่าที่ประเทศไทยหลายคนมัวแต่เรียน prescriptive grammar อย่างเดียวเพราะเขาเรียนเพื่อจะสอบซึ่งอาจจะทำให้บางคนเครียดเรื่องผิดหรือถูกมากไปหน่อยนะครับ ในทางกลับกันถ้าเป้าหมายของคุณคือที่จะพูดและฟังได้ก็ไม่จำเป็นต้องเจาะลึกในเรื่อง prescriptive grammar ก็ได้ครับ คือสามารถเรียนจากการดูหนัง การดูซีรี่ย์ การฟังเพลง และการรับสื่อภาษาอังกฤษอื่นๆได้ เพราะการพูดภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันไม่ใช่ข้อสอบที่มีคำตอบที่ผิด มันมีแค่สื่อสารรู้เรื่องกับสื่อสารไม่รู้เรื่องนะครับ แล้วถ้าใช้ภาษาพูดที่อาจจะแหกกฎ prescriptive grammar บ้างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ตราบใดที่ผู้ฟังเข้าใจนะครับ ยิ่งกว่านั้นอาจจะลองใช้ descriptive grammar เช่นคำสแลงดูบ้างครับ มันทำให้ฟังดูเป็นเอง บางทีถ้าใช้ prescriptive grammar ในภาษาพูดตลอดเวลาก็อาจจะฟังดูเป็นหุ่นยนต์ได้ครับ การพูดภาษาอังกฤษควรจะเป็นเรื่องสนุกไม่ใช่เรื่องเครียดนะครับ
อ้าวอิง : wikipedia.org/wiki/ภาษาศาสตร์
visit from indonesian.........
ตอบลบ